BANGKOK, THAILAND - MARCH 21: A general view from a skyscrape on March 23, 2020 in Bangkok, Thailand. Coronavirus (Covid-19) has spread to at least 182 countries, claiming over 15,000 lives and infecting almost 360,000. There have now been 721 diagnosed cases in Thailand and one death. (Photo by Tim de Waele/Getty Images)
เม.ย.
12

ซีอีโอธุรกิจอสังหา ฝ่าวิกฤต “โควิด-19”

ไตรมาส 1/63 มิสชั่นคนทั้งประเทศมีเรื่องเดียว #ประเทศไทยต้องชนะอาจกล่าวได้ว่าดีเวลอปเปอร์ยังไม่ทันหายกลุ้มใจกับมาตรการ LTV-loan to value (แบงก์ชาติบังคับเงินดาวน์แพงในการขอสินเชื่อซื้อบ้าน-คอนโดมิเนียมหลังที่ 2 เป็นต้นไป) นาทีนี้โรคระบาดสายพันธุ์ใหม่ไวรัสโควิด-19 ทำให้กลุ้มหนักกว่าเดิมเข้าไปอีก

โดยสำนักวิจัยอสังหาริมทรัพย์อย่างน้อย 3 ค่ายเทน้ำหนัก ว่า ปี 2563 ธุรกิจที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มเป็นเส้นกราฟขาลง และไม่ใช่ลงแบบซอฟต์แลนดิ้งอีกต่างหาก

เริ่มจาก “ดร.โสภณ พรโชคชัย” ประธานกรรมการ AREA-เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ประเมินว่า ปี 2563 ดูอาการจากช่วง 2 เดือนแรกของปี (มกราคม-กุมภาพันธ์ 2563) แล้วพยากรณ์ทั้งปีคาดว่าภาพรวมตลาดน่าจะติดลบ 15-20%

เป็นการมองขั้วกลับด้าน จากเดิมที่มีการประเมินไว้เมื่อช่วงปลายปี 2562 ว่าธุรกิจอสังหาฯปี 2563 น่าจะกลับมาบวกได้ 5-10%

สำหรับคนชอบตัวเลข หากคำนวณคาดการณ์เดิมว่าตลาดโต 5% แต่เจอโควิด-19 พ่นพิษใส่จนระบมไปทั้งแผ่นดินแล้วคาดการณ์ใหม่มีตัวเลข -15% นั่นหมายความว่า ปีนี้ตลาดผันผวนหนักถึง 20% เป็นอย่างต่ำ

ถัดมา “ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์” รักษาการผู้อำนวยการ REIC-ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ระบุว่า ณ ปี 2562 หน่วยเหลือขายทั่วประเทศรวมกันเพิ่ม 10% อยู่ที่ 3 แสนหน่วย บนสถานการณ์โครงการเปิดใหม่ลดลง -20% เพราะเจอผลกระทบจาก LTV

มีหน่วยเหลือขายสร้างเสร็จพร้อมอยู่ 6.8 หมื่นหน่วย แบ่งเป็นคอนโดฯเพียง 3 หมื่นหน่วย เพิ่มขึ้นไม่น่าตกใจแค่ 2% แต่ไปเพิ่มความตกใจให้กับสินค้าแนวราบ (บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์) ที่เพิ่มถึง 21% ที่ 3.8 หมื่นหน่วย

คาดการณ์เต็มปีของ REIC มองว่ามีโอกาสที่ปี 2563 ภาคอสังหาฯจะถดถอยกลับไปในยุค 5 ปีก่อนหน้า โดยประเมินว่าโควิดจะทำให้หน่วยโอนลดลง -11% ถึง -17% ที่ 3.12-3.33 แสนหน่วย มูลค่าลดลง -13.8% ถึง -17.1% คิดเป็นมูลค่าโอน 7.26-7.55 แสนล้านบาท

เป็นการพยากรณ์บนตัวช่วยจากมาตรการรัฐยกเว้นค่าโอน-จำนองจากล้านละ 3% เหลือ 0.01% หรือจากล้านละ 30,000 บาท เหลือล้านละ 300 บาท สำหรับที่อยู่อาศัยเพดานราคา 3 ล้านบาท ซึ่งจะหมดอายุ 24 ธันวาคม 2563 ไว้เรียบร้อยแล้ว

อีกราย “ภัทรชัย ทวีวงศ์” ผู้ช่วยผู้อำนวยการวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ระบุว่า ไตรมาส 1/63 มีคอนโดฯเปิดใหม่แค่ 16 โครงการ 5,880 หน่วย ต่ำสุดในรอบ 8 ปี หรือ 32 ไตรมาส

ส่วนอัตราขายหรือยอดขายถลำลึกยิ่งกว่า โดยมีอัตราขายเฉลี่ย 31% เท่านั้น ต่ำสุดในรอบ 10 ปี หรือถอยหลังกลับไป 40 ไตรมาส

อย่างไรก็ตาม The show must go on เพราะกาลเวลาเพิ่งผ่านพ้นเพียง 1 ไตรมาส หรือเพียง 3 เดือนเท่านั้น

ชีวิตจริงของดีเวลอปเปอร์ปี 2563 ยังมีเวลาเหลืออีกถึง 9 เดือนที่จะต้องฝ่าด่านสารพัดปัจจัยลบ

น่าสนใจว่าปีนี้ยังมีทีเด็ดอะไรอีกบ้าง…นอกเหนือจากท่องคาถาอึด อึด และอึด

#save ดีเวลอปเปอร์ #ประเทศไทยต้องชนะ

SENA ZERO COVID

เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์
รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์

สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ระบาดทั่วโลกและมีอัตราการระบาดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ณ ขณะนี้ ทางเสนาฯ ได้มีการติดตามและเฝ้าดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด ที่ผ่านมาร่วมกับบริษัท วิคตอรี่ แมเนจเม้นท์ เซอร์วิส จำกัด บริษัทลูกบริหารงานนิติบุคคล มีการวางแผนรับมือสถานการณ์โควิด-19 เพื่อป้องกันและควบคุมวิกฤตที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ภายใต้มาตรการ “SENA ZERO COVID” เพื่อช่วยเหลือลูกค้าทางการเงินและสร้างความปลอดภัย

SENA ZERO COVID เราโฟกัสดูแล 3 กลุ่มลูกค้าคือ ลูกค้าจอง-ลูกค้าใหม่-ลูกบ้าน

“ลูกค้าจอง” ไม่ใช่เพิ่งเริ่มจอง แต่เป็นลูกค้าอยู่ระหว่างผ่อนดาวน์ใกล้จะโอน สภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว หลายคนประสบปัญหาแตกต่างกันออกไป เสนาฯเข้าใจพร้อมช่วยเหลือและเตรียมการซัพพอร์ตลูกค้าในทุกกรณี สามารถติดต่อได้ที่เจ้าหน้าที่ของแต่ละโครงการ

“ลูกค้าใหม่” สำหรับผู้บริโภคที่มีความต้องการซื้อโครงการของเสนาฯในช่วงนี้ เราพร้อมให้ความช่วยเหลือลูกค้าและแบ่งเบาภาระทางการเงินด้วยการจัด personalizes promotion ดูแลลูกค้าทุกรูปแบบตลอดช่วงสถานการณ์โควิด-19

พร้อมเพิ่มช่องทางการตลาดจองผ่าน online ทุกช่องทาง ไม่ว่าเป็น line, live, streaming และ online booking มอบ special promotion รับส่วนลด on top สูงสุด 1 แสน

และ “ลูกบ้าน” ที่ผ่านมาบริษัท วิคตอรี่ฯได้มีมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้แก่ลูกบ้าน และพนักงานตามโครงการอย่างใกล้ชิด มีการแจกหน้ากากอนามัย ติดตั้งจุดวางเจลล้างมือ ทำความสะอาดพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมด และทุกจุดรอบโครงการ เช่น ประตูเข้า-ออก, ปุ่มกดลิฟต์, อุปกรณ์ออกกำลังกาย, ทางเดินส่วนกลาง และการตรวจวัดอุณหภูมิทุกคนที่เข้ามาในโครงการ

รวมถึงทำป้ายตารางทำความสะอาดในจุดสำคัญต่าง ๆ โดยระบุว่า “ตารางทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ” นอกจากนี้ มาตรการดูแลในกรณีที่ลูกบ้านอยู่ในกลุ่มเสี่ยง (ต้องกักตัว 14 วัน) เรามีบริการ “SENA ZERO COVID SERVICE” อำนวยความสะดวกช่วยลูกบ้านซื้อของและคอยสอบถามหากต้องการความช่วยเหลือในระหว่างกักตัว

และ “SENA ZERO COVID HOTLINE” สายด่วนพาลูกบ้านไปโรงพยาบาลในกรณีที่มีไข้หรือสงสัยว่ามีความเสี่ยง เป็นต้น

นอกจากนี้ ภายในบริษัท เสนาฯมีการจัดตั้งทีมเฉพาะกิจศูนย์ปฏิบัติการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ BCP-business continuity plan เพื่อกำกับดูแลและติดตามสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 ให้พนักงานได้รับทราบเป็นข้อมูล พร้อมเฝ้าระวังและติดตามสอบถามอาการของพนักงานที่มีความเสี่ยงจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในระยะเวลาที่กำหนด และแจ้งข้อมูลการเจ็บป่วยและช่วยเหลือพนักงานที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19

รวมถึงประสานกับกลุ่มงานที่ได้รับมอบหมายให้ไปปฏิบัติหน้าที่ ณ สถานที่ที่บริษัทกำหนด

“เราจะสู้ไปด้วยกัน จนกว่าจะเป็นซีโร่โควิด”

RML ชูโมเดลซื้อคอนโดฯลงทุน

ไลโอเนล ลี
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไรมอน แลนด์ หรือ RML

การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ท่ามกลางภาพรวมของภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัว และตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2563 มีปัจจัยที่ส่งผลกระทบในทางลบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ในระยะสั้นถึงระยะกลาง

RML มีการปรับกลยุทธ์รับมือผลกระทบโควิด-19 ด้วยการเน้นทำการตลาดเชิงรุกสร้างโอกาสการเติบโตในธุรกิจหลักตอบรับสถานการณ์ในปัจจุบัน

บิสซิเนสโมเดลยังยืนยันบริษัทออกโปรดักต์สำหรับการลงทุนในคอนโดฯเพื่อปล่อยเช่า จุดแข็งเรามีคอนโดมิเนียมบนทำเลใจกลางเมือง อาทิ เดอะ ลอฟท์ อโศก, เดอะ ดิโพลแมท 39, เดอะ ดิโพลแมท สาทร บริหารงานโดย Klapsons The River Residences Bangkok และบริษัท อสังหา เรียลตี้ บริษัทย่อยของ RML คาดว่าจะได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากนักลงทุน

การปรับตัวตามสถานการณ์เพื่อสนองนโยบายรัฐบาลไทย RML วางแผนส่งเสริมการขายผ่านช่องทางออนไลน์ด้วยกลยุทธ์ O2O-online to offline เพื่อให้ลูกค้าสามารถรับชมโครงการทางออนไลน์ก่อนตัดสินใจเข้าชมโครงการจริง เพื่อกระตุ้นความต้องการซื้อและเข้าถึงลูกค้าโดยตรง

ช่องทางออนไลน์ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 เป็นช่องทางที่สามารถสร้างความปลอดภัยด้านสุขภาพให้กับลูกค้าอีกด้วย ซึ่งคาดว่าจะสามารถผลักดันยอดขายโครงการได้เพิ่มมากขึ้น

ขณะเดียวกัน ปีนี้บริษัทวางแผนเปิดคอนโดมิเนียม 1 โครงการบนถนนสุขุมวิทซอย 38 เป็นโครงการร่วมทุนโครงการที่สามกับพันธมิตรโตเกียว ทาเทโมโนะ ประเทศญี่ปุ่น

ด้านธุรกิจ recurring income ซึ่งเรามีธุรกิจร้านอาหารและโรงแรม ต้องยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เต็ม ๆ จึงเลื่อนเปิดตัวโรงแรม HOTEL KITCH จากเดิมวางแผนเปิดตัวในเดือนเมษายน 2563 ต้องขยับไปเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลัง 2563 แทน

โมเดลลงทุน HOTEL KITCH เป็นคอนเซ็ปต์ใหม่และบริหารโรงแรมด้วยตนเอง มีเพียง 72 ห้องพัก ควบคู่กับวางแผนเปิดตัวโรงแรมใหม่อีก 1 แห่งขนาด 300 ห้องในย่านสุขุมวิท เน้นคอนเซ็ปต์ทันสมัย เทคโนโลยีเน้น ๆ

ส่วนธุรกิจ F&B-อาหารและเครื่องดื่ม ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการวางแผนในการวางกลยุทธ์ใหม่ของร้านอาหารบ้านหญิง และกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการร่วมทุนกับพันธมิตรธุรกิจรายใหม่ ๆ ด้วย

ในด้านตัวเลขขอพูดถึงสักเล็กน้อย RML มีแบ็กล็อกหรือยอดขายรอโอน ณ สิ้นปี 2562 มูลค่ารวม 8,010 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป

แผนธุรกิจปีนี้จะมียอดโอนส่วนใหญ่มาจากโครงการ The Lofts Silom ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 80% ลูกค้าสามารถโอนได้ตั้งแต่ต้นปีนี้เป็นต้นไป

RML ยังยืนยันเดินหน้าลงทุนและโฟกัสกลยุทธ์การตลาดในการสร้างแบรนด์เพื่อขยายฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ รอจังหวะโควิดสงบเราพร้อมเดินหน้าการลงทุนได้ทันที

บุ๊กกิ้งออนไลน์ Ananda iStore

ชานนท์ เรืองกฤตยา
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์

โควิด-19 ทำให้ทุกคนต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น คนส่วนใหญ่เลือกอยู่กับบ้าน ไม่ออกไปไหน รวมถึงลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติไม่สามารถเดินทางเข้าเยี่ยมชมโครงการได้ในภาวะสถานการณ์ตอนนี้

อนันดาฯปรับแผนรับมือโดยเปิดช่องทางการขายผ่านออนไลน์บุ๊กกิ้ง “Ananda iStore” ให้ลูกค้าช็อปซื้อได้ทั้งบ้านและคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นกลยุทธ์การตลาดเพื่อผลักดันยอดขายในช่วงนี้

สินค้าพร้อมอยู่ของอนันดาฯ มั่นใจว่าตอบโจทย์ลูกค้าเป้าหมายได้ทุกกลุ่ม ทุกเซ็กเมนต์ ภายใต้แบรนด์หลักแบ่งเป็นสินค้าคอนโดฯ แอชตัน, ไอดีโอ คิว, ไอดีโอ โมบิ, ไอดีโอ, เอลลิโอ,เวนิโอ และยูนิโอ

สินค้าแนวราบโครงการบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์แบรนด์อาร์เทล, แอริ, เอโทล และยูนิโอ ทาวน์

ทั้งนี้ ทั้งนั้น Ananda iStoe เรานำเสนอผ่าน 3 ช่องทางออนไลน์ ประกอบด้วย

1.ANANDA ONLINE BOOKING เป็นการย้าย sales gallery มาไว้บนแพลตฟอร์มออนไลน์ จองง่ายมากไม่กี่ขั้นตอน ลงทะเบียน เลือกโครงการ เลือกแปลงห้อง จอง ยืนยันและชำระเงินได้ทั้งบัตรเครดิต บัตรเดบิตทุกธนาคาร

2.FACEBOOK ANANDA DEVELOPMENT การเปิด FACEBOOK SHOP ที่พร้อมตอบทุกแชตผ่าน FACEBOOK MESSENGER

3.LINE OA “CHAT & SHOP” เปิดช่องทางใหม่แบบ exclusive กับแชต 1 ต่อ 1 พร้อมบริการผู้ช่วยส่วนตัว สอบถามและพูดคุยตรงกับเซลส์ได้ทุกโครงการ

และเตรียมพบ LINE MY SHOP ช็อปผ่าน LINE OA ทุกช่องทาง 24 ชม. ครั้งแรกเร็ว ๆ นี้

สำหรับโปรโมชั่นที่เราลอนช์ในไตรมาส 2/63 เพิ่มเป็นเพื่อนกับอนันดาฯ รับข้อเสนอพิเศษจองเริ่มต้น 999 บาท, ส่วนลดสูงสุด 3.9 ล้านบาท เป็นต้น

ในส่วนของสำนักงานขายยังเปิดให้เข้าชมโครงการได้ตามปกติ พร้อมมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ลูกค้าและพนักงานอนันดาฯมั่นใจว่าปลอดภัยและสะอาดทุกกระเบียดนิ้ว

สิงห์รณรงค์แยกขยะหน้ากากอนามัยใช้แล้ว

นริศ เชยกลิ่น
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สิงห์ เอสเตท

แม้จะเป็นเพียงมุมเล็ก ๆ แต่เราก็ให้ความสำคัญ เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเชื้อไวรัสโควิด-19 มีหลากหลายมิติ โดยเฉพาะปัญหาขยะ สิงห์ เอสเตท ในฐานะบริษัทที่ให้ความสำคัญและรณรงค์เกี่ยวกับการจัดการขยะมาอย่างต่อเนื่อง มีความห่วงใยเกี่ยวกับแนวโน้มการเกิดปัญหาขยะจำนวนมากที่กำลังจะเกิดขึ้นตามมา

จึงอยากขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยรณรงค์การปรับพฤติกรรมเพื่อลดโอกาสการเกิดวิกฤตขยะติดเชื้อในอนาคต โดยสิงห์ เอสเตท ได้นำร่องจัดตั้งถังขยะอันตรายสำหรับทิ้งหน้ากากอนามัย บริเวณทางเข้าออกทุกชั้นของสำนักงานใหญ่ อาคารซันทาวเวอร์ส และมีแผนตั้งถังขยะอันตรายที่อาคารสำนักงานทุกแห่งของบริษัทในอนาคต

นอกจากนี้ ยังมีการอบรมพนักงานแม่บ้านในการแยกถุงขยะและทำสัญลักษณ์ขยะติดเชื้อให้ชัดเจน ก่อนนำส่งให้กับเจ้าหน้าที่เก็บขยะของทาง กทม. เพื่อนำไปกำจัดอย่างถูกวิธีต่อไป

ทั้งนี้ บริษัทคำนึงว่าในภาวะการเกิดโรคระบาดเช่นนี้ ขยะติดเชื้อ เป็นสิ่งที่ควรระมัดระวังในการทิ้งให้ถูกที่ เพราะเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อโรค ไม่ว่าจะเป็นหน้ากากแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง (surgical mask) และกระดาษชำระ อยู่ในกลุ่มขยะที่มีโอกาสติดเชื้อสูง

ดังนั้นควรพับตัวหน้ากากที่มีฝอยละอองไว้ด้านในและต้องมีการแยกทิ้งในถังขยะเฉพาะ คือถังขยะติดเชื้อ โดยถุงขยะที่ใส่ควรเป็นถุงใสเพื่อให้เห็นขยะภายในชัดเจน ถ้าเป็นถุงทึบหรือถุงดำควรมีการเขียนให้ชัดเจนว่าขยะติดเชื้อ เพื่อความปลอดภัยต่อเจ้าหน้าที่จัดเก็บขยะ

สิ่งเหล่านี้ถ้าไม่มีการกำจัดที่ถูกต้อง นอกจากจะก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้อื่นแล้ว ขยะเหล่านี้อาจหลุดรอดออกสู่สิ่งแวดล้อมและจบลงที่ท้องทะเล และเป็นภัยต่อธรรมชาติ

นอกจากขยะติดเชื้อแล้ว การใช้ชีวิตประจำวันของเราทุกคนช่วงนี้ สามารถสร้างขยะจำนวนมากได้เช่นกัน เพราะฉะนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการลดการสร้างขยะใหม่ด้วยการเลือกซื้อเลือกใช้ของที่จะกลายมาเป็นขยะใหม่ให้น้อยที่สุด

แต่หากจำเป็นก็ควรเลือกทิ้งให้ถูกประเภท เพื่อที่จะง่ายต่อการนำไปเข้ากระบวนการกำจัดขยะที่ถูกต้อง รวมไปถึงขยะบางประเภทที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ ก็จะเป็นการลดจำนวนขยะที่ต้องกำจัดทิ้งไปได้

แอสเซทไวส์ทำแผนคอนเซอร์เวทีฟตั้งแต่ต้นปี

กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด

แผนธุรกิจตอนนี้ก็มุ่งเน้นกับคอนโดฯที่พร้อมอยู่ เราก็มีคอนโดฯที่เสร็จแล้วอีกหลายตัวก็กำลังจะเริ่มเสร็จ ส่วนสินค้าใหม่วางแผนไว้ 3-4 โครงการ มูลค่ารวม 6,000 ล้านบาท ถ้าโควิด-19 จบก็คงจะเปิด ดูสถานการณ์ก่อน ระหว่างนี้ก็ทำสำนักงานขาย เตรียมการตลาดไว้ รอว่าโควิด-19 จะหายเมื่อไร

เท่าที่คิดไว้ถ้ากลับมาเปิดตัวโครงการใหม่ได้ภายในไตรมาส 3/63 ก็น่าจะเปิดสัก 2-3 โครงการได้ แต่ถ้าสถานการณ์โครงการใหม่เปิดตัวได้ในไตรมาส 4/63 ก็อาจจะเปิดตัวใหม่เหลือ 1-2 โครงการ หลัก ๆ คิดก่อนจะมีโควิด เฉลี่ยเราเปิดไตรมาสละ 1 โครงการ มูลค่าตั้งแต่ 500-2,000 ล้าน

ตามแผนเดิม 4 โครงการใหม่มี 1 แนวราบเป็นบูติคทาวน์โฮมแบรนด์ใหม่ “ปุริ ปุริ” ราคา 5-10 ล้าน กับ 3 คอนโดฯ แบรนด์ซีรีส์โมดิซหมดเลย ซึ่งตั้งแต่ปีที่แล้วห้องชุดราคาบวกลบ 2 ล้านขายดีมาก เฉลี่ยทำโครงการละ 300-800 ยูนิตกำลังดี

ก่อนมีโควิดเราตั้งเป้ายอดขาย 4,000 ล้าน เป้ารับรู้รายได้ 3,500 ล้าน จบไปแล้ว 1 ไตรมาสเรายังมองใกล้เคียงเดิมอยู่ เพราะเป้ารับรู้รายได้ 3,500 ล้าน ในขณะที่รวมของเก่าของใหม่สร้างแล้วเสร็จมี 4,600 ล้าน ฉะนั้น จึงถือเป็นเป้าที่คอนเซอร์เวทีฟแล้ว

อย่าลืมว่าก่อนมีโควิดอสังหาฯเจอสถานการณ์ LTV-loan to value ปีนี้เราจึงตั้งเป้าคอนเซอร์เวทีฟตั้งแต่ต้นปี พอมาเจอโควิด-19 ก็เหมือนกับแอสเซทไวส์ไม่ได้ตั้งเป้าสูงอยู่แล้ว ผมมองว่าผลกระทบโควิดต้องอีก 1-2 เดือนมาอัพเดตกันอีกทีหนึ่ง เพราะตอนนี้ก็ยังคิดว่ามันอาจจะจบใน Q2 และ Q3-Q4 ก็กลับมาโอนได้

กลยุทธ์เราเน้นเจาะลูกค้า 3 กลุ่มหลัก หนึ่งในนั้นมีแคมปัสคอนโด แม้จะมีโควิดแต่สำนักงานขายก็ยังมีคนไปจองซื้อทุกอาทิตย์ ขณะเดียวกัน คนเขากลัวโรคติดต่อไม่ค่อยออกจากบ้านไปไหนมาไหน ทำให้ลูกค้าวอล์กอินน้อยลง เราก็ปรับไปขายออนไลน์แทน มีการปิดยอดขายออนไลน์ทดแทน สถิติลูกค้าออนไลน์เพิ่ม 30%

ลูกค้าไม่ว่าจะมาทางช่องทางไหนเราจะมีกลุ่ม Line add ให้ส่งข้อมูลหรือสอบถามข้อมูลจากเซลส์ แล้วก็ปรับใช้กลยุทธ์ทางออนไลน์รวมไปถึงตอนจะโอนด้วย ตอนนี้เรามีระบบ fin plus สามารถที่จะส่งแอปพลิเคชั่นในการรับรู้เงินกู้ เอกสารต่าง ๆ ทางออนไลน์ไม่ต้องมายื่นที่ไซต์โครงการ เราส่งให้ธนาคารและแอปพรูฟทางออนไลน์ได้เลย

ช่องทางออฟไลน์ตอนนี้เราเปิดอยู่ สำนักงานขายห้องตัวอย่างไม่ได้ปิด แต่เน้นดูแลเรื่องความปลอดภัยอย่างสูง ไม่ว่าจะเป็นการตรวจอุณหภูมิและแอลกอฮอล์ มีเรื่องความสะอาดความปลอดภัยที่ดูแล

วันสุดท้ายของไตรมาส 1/63 ยอดขายเราแม้ไม่ตรงตามเป้าแต่ก็ไม่ได้ตกเป้ามากมาย 10% กว่าเท่านั้น เราทำได้ 86% จากเป้า ในขณะที่มีแบ็กล็อก (ยอดขายรอโอน) 7,400 ล้านบาท

ที่ผ่านมาคนตกใจและคิดว่าโควิด-19 จะเป็นผลกระทบระยะสั้น แต่ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าน่าจะเป็นระยะยาวหน่อย ก็มีการปรับแผนว่าถ้ามันยาว 6 เดือนจะเป็นอย่างไร 9 เดือนจะเป็นอย่างไร เราวางแผนกันแบบนั้น

เพอร์เฟคทำ Pop up Store 20 โปรเจ็กต์

วงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต
กรรมการผู้จัดการ บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค

ในสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ที่รัฐบาลขอความร่วมมือให้ประชาชนอยู่ในบ้านเพื่อลดการแพร่กระจายของโรค เรามี “เพอร์เฟค แฟมิลี่ คลับ” อำนวยความสะดวกให้แก่ลูกบ้านในโครงการของพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ตลอดจนประชาชนทั่วไปที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงโครงการ

โดยจัดสรรพื้นที่ภายในอาคารสโมสรและพื้นที่ส่วนกลางใน 20 โครงการ เป็นจุดจำหน่ายสินค้าเคลื่อนที่หรือ pop up store และจุดรับสินค้าสั่งซื้อล่วงหน้า เพื่ออำนวยความสะดวกในการเลือกซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค ลดความหนาแน่นในการไปจับจ่ายในห้างสรรพสินค้า และแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้วยสินค้าราคาพิเศษ ดำเนินการโดย “ออลล์ดี” ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกราคาประหยัด

รูปแบบออลล์ดี เราคัดสินค้าคุณภาพในกลุ่มสินค้าที่จำเป็นในการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นข้าวสาร น้ำดื่ม อาหารสำเร็จรูปและปรุงอาหาร ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดในครัวเรือน ผลิตภัณฑ์ซักผ้า สินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม อุปกรณ์ป้องกันโควิด-19 เช่น เจลล้างมือและสินค้าอื่น ๆ รวมกว่า 100 รายการ มาจำหน่ายในราคาพิเศษ

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้สามารถกระจายการเข้าถึงสินค้าจำเป็น จึงมีจำนวนจำกัดต่อวัน และมีสินค้ามาสลับสับเปลี่ยนให้ตรงตามความต้องการของผู้ซื้อ

นอกเหนือจากร้านค้าเคลื่อนที่ใน 20 โครงการแล้ว เพอร์เฟควางแผนเพิ่มจุดรับสินค้าในโครงการอื่น ๆ โดยให้สามารถสั่งซื้อทางออนไลน์ แล้วเลือกรับสินค้าที่จุดรับสินค้าในโครงการต่าง ๆ ใกล้บ้านได้ โดยไม่มีค่าจัดส่ง

ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดร้านค้าและสั่งซื้อสินค้าได้ที่ www.alldshop.com ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

ศุภาลัยยืดดาวน์ 3-6 เดือน

ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม
กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศุภาลัย

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ศุภาลัยจึงเร่งออกมาตรการพักชำระค่างวดผ่อนดาวน์ 3 เดือน (3 งวด) สำหรับลูกค้าในสายอาชีพที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด อาทิ ลูกค้าที่มีอาชีพในกลุ่มสายการบิน โรงแรม ฯลฯ

เงื่อนไขลูกค้าที่ขอรับสิทธิจะต้องอยู่ในระหว่างการผ่อนชำระเงินดาวน์กับบริษัท ทั้งบ้านและคอนโดมิเนียม ในโครงการศุภาลัยทั่วประเทศ

ทั้งนี้ทั้งนั้น จำนวนเงินที่ยืดเวลาผ่อนดาวน์ 3 งวดดังกล่าวจะนำไปรวมชำระในวันโอนกรรมสิทธิ์

สำหรับลูกค้าที่มีความประสงค์จะรับสิทธิพักชำระค่างวดสามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้-31 พฤษภาคม 2563 ที่ www.supalai.com/covid19support หรือที่สำนักงานขายโครงการ หรือติดต่อสายด่วน โทร.1720

นอกเหนือจากมาตรการพักชำระค่าดาวน์ 3 เดือน ศุภาลัยยังได้เตรียมความพร้อม โดยจัดทำแผนสำรองสำหรับวิกฤตการณ์ทุกระดับ เพื่อให้ธุรกิจดำเนินได้อย่างต่อเนื่อง

และกำหนดมาตรการความปลอดภัยด้านชีวอนามัยอย่างเข้มงวด ทั้งอาคารสำนักงานใหญ่ ศุภาลัย แกรนด์ ทาวเวอร์ และ site งานศุภาลัยทั่วประเทศ อาทิ การกำหนดมาตรการทำความสะอาดพื้นที่ภายในอาคารด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ติดตั้งเจลล้างมือ เพื่อความปลอดภัยและมั่นใจของลูกค้า รวมทั้งผู้มาติดต่อกับบริษัท

ชาวศุภาลัยมีความห่วงใยสังคม และตระหนักถึงความปลอดภัยของลูกค้าทุกโครงการและประชาชน จึงขอเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ และผู้ปฏิบัติหน้าที่ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องทุกท่าน ให้ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย

สถาพรแจกประกันภัยโควิด-19

สุนทร สถาพร
กรรมการผู้จัดการ บริษัท สถาพร เอสเตท จำกัด

บริษัทตระหนักถึงความปลอดภัยลูกค้าในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย และเพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายภาครัฐเรื่อง social distancing จึงได้ใช้กลยุทธ์การตลาดผ่านการขายออนไลน์ทุกช่องทาง

โดยเปิดโอกาสให้ลูกค้าที่สนใจโครงการสามารถติดต่อซื้อขายผ่านทาง VDO call วิธีการนัดหมายออนไลน์กับเจ้าหน้าที่ซึ่งจะให้บริการเป็นประจำทุกวัน

ขณะเดียวกันในส่วนของการรับชมโครงการ ลูกค้าสามารถชมโครงการโดยไม่ต้องมาวิสิตไซต์ด้วยตนเอง เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อโควิด-19 และช่วยป้องกันการแพร่ระบาดเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้เพื่อร่วมสร้างความมั่นใจในสุขภาพให้กับลูกค้าในช่วงภาวะการระบาด เราได้เพิ่มความพิเศษให้กับลูกค้า มีเพียงเงื่อนไขจองซื้อภายใน 30 เมษายนนี้จะได้รับประกันภัยไวรัสโควิด-19 ทันที

นอกจากนี้ อย่างที่ทราบกันดีว่าไตรมาส 1/63 มีการแข่งขันระบายสต๊อกทั้งของใหม่ของเก่าอย่างรุนแรง และเป็นเทรนด์หลักการแข่งขันในไตรมาส 2/63 ด้วย ในส่วนของสถาพร เอสเตทเราจัดโปรโมชั่นเพิ่มเติมสำหรับลูกค้าที่มีกำลังซื้อให้รีบตัดสินใจ

เรามีโครงการไฮไลต์คอนโดมิเนียม “เดอะ เชดด์ สาทร 1” จุดขายเราสามารถตั้งราคาถูกกว่าราคาตลาดด้วยราคาเริ่มต้น 1.3 แสนบาท/ตารางเมตรเท่านั้น ทำเลโดดเด่นมากเพราะอยู่ในซอยสาทร 1

นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นออนท็อป รับส่วนลดสูงสุดอีก 3 แสน แถมไลฟ์สไตล์แก็ดเจตสุดอินเทรนด์ (Apple Gadgets) มูลค่าสูงสุด 80,000 บาท

สถาพรเรามีความเชี่ยวชาญสินค้าแนวราบ ล่าสุดเพิ่งเปิดตัวทาวน์โฮมแบรนด์ใหม่ “อิเธอร์นิตี้ ทาวน์ พริมโรส วัชรพล” ลูกค้าทำสัญญา 0 บาท อยู่ฟรี 1 ปี เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

QR Code LINE@ Prachachat

ไม่พลาดข่าวสำคัญ เจาะลึกทุกประเด็น
เพิ่มเราเป็นเพื่อนทาง @prachachat

ติดตามข่าวธุรกิจ