Category: (7)

1566549799

ฟันธงเศรษฐกิจ โลกถดถอยปี 2562 ลูกโป่งไม่แตกง่ายห่างชั้นต้มยำกุ้ง 40 ยันคอนโดฯโลว์ไรส์กลางเมือง-แนวราบ-ท่องเที่ยวยังไปได้ รถไฟ 3 สนามบิน-อู่ตะเภา ดันลงทุน ด้านนักวิเคราะห์ มองครึ่งปีแรกยอดขายมากถึง 2.4 หมื่นหน่วย

แม้เศรษฐกิจโลกซวนเซจากการสู้รบทางการค้า สงครามค่าเงินของประเทศมหาอำนาจ กำลังซื้อจีนหล่นหายฟาดหางมายังตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไทยท่ามกลางปัจจัยลบธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คุมเข้มสินเชื่อ แต่ในวิกฤติย่อมมีโอกาส ผู้ประกอบการปรับตัวสินค้า สถาบันการเงินระมัดระวัง ไม่ให้ซํ้ารอยวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้งปี 2540 สะท้อนจากตัวเลขซื้อขายที่อยู่อาศัยครึ่งปีแรก ยังมากถึง 24,000 หน่วย ขณะการขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานรัฐ เขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซี ยังเป็นความหวัง

นายพรนริศ ชวนไชย-สิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ในเวทีสัมมนา PROPERTY FOCUS 2019 หัวข้อ อสังหาฯพลิกเกมรุก จับโอกาสทอง จัดโดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจระบุถึงภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยไทยว่า ภาพรวม 7 เดือนแรกของปี 2562 ไม่ได้น่ากังวลอย่างที่มีกระแสข่าวออกมา เพราะเมื่อเทียบวิกฤติฟองสบู่ปี 2540 สถาน การณ์ปัจจุบันเบาบางกว่ามากเพราะเมื่อเจาะลึกรายเซ็กเมนต์ เช่น กลุ่มคอนโดฯ โลว์ไรส์ใจกลางเมืองยังไปได้ เช่นเดียวกับแนวราบในบางจังหวัดผู้ประกอบการชะลอเปิดโครงการ หรือเปลี่ยนทำเลพัฒนา โดยอาศัยฐานข้อมูล(Data base) ช่วยในการวิเคราะห์

นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัดที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ เจาะลึกตัวเลข ซื้อ-ขายอสังหาฯครึ่งปีแรกจำนวน 2.4 หมื่นหน่วยถือว่าไม่น่ากังวล จากยอดซื้อ-ขายปกติที่จะเกิดขึ้นตลอดทั้งปีเฉลี่ย 4-5 หมื่นหน่วย

แม้มีสัญญาณน่ากังวลจากนักลงทุนต่างชาติหายไป ปัจจัยเงินบาทแข็งค่าทำให้ความน่าสนใจลงทุนอสังหาฯ ลดลง ต้องจ่ายเงินเพิ่มนับ 12% ขณะที่ตัวเลือกด้านการลงทุนอสังหาฯ ไม่ได้มีความน่าสนใจแค่ในไทย เงินปอนด์ที่อ่อนค่า ทำให้นักลงทุนอสังหาฯ บางส่วน ย้ายเม็ดเงินไปลอนดอนประเทศอังกฤษแทน ตลาดไทยจึงต้องพึ่งพากำลังซื้อคนไทย ซึ่งเป็นเรียลดีมานด์เป็นหลัก

ทั้งนี้ ยืนยันว่าจำนวนโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง หรือเหลือขายในตลาด ไม่ได้สร้างปัญหาให้กับตลาดแต่อย่างใด ยังคงเดินหน้าต่อได้ โดยเฉพาะบางทำเลที่มีดีมานด์ และซัพพลายน้อย เช่นสุขุมวิท รามคำแหง เป็นต้น

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ด้านนายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์พรีเมียมเพื่อการลงทุน ระบุว่าด้วยโปร ดักต์หลักของบริษัทที่มีความชัดเจนในกลุ่มลูกค้าและทำเล ทำให้สามารถประคองการเติบโตได้แต่ไม่ปฏิเสธสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ส่งผลให้ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2561 เริ่มเห็นสัญญาณการหายไปของลูกค้าต่างชาติ ซึ่งหลักๆ เป็นกลุ่มจีน ฮ่องกง (80%) จนถึงปัจจุบัน พบกำลังซื้อดังกล่าวหายไปมากกว่าครึ่งขณะที่เรื่องมาตรการแอลทีวี ทำให้กลุ่มเก็งกำไร กู้ได้น้อยลง จึงไม่มั่นใจในการลงทุน ก็ทำให้กลุ่มดังกล่าวแทบจะหายไปจากตลาด ฉะนั้น โครงการที่ขายได้ มักเป็นโครงการที่เน้นเรียลดีมานด์ทั้งที่ซื้ออยู่เองและลงทุนระยะยาวเท่านั้น สะท้อน ภาพรวมตลาดกรุงเทพฯ ช่วง 7 เดือน อยู่ในช่วงชะลอตัว แต่ไม่ได้เลวร้ายเหมือนภาพที่เกิดขึ้น เพราะหลายรายปรับตัวทัน

“ครั้งนี้ยังเชื่อว่าไม่ใช่วิกฤติ ตลาดยังเดินต่อได้ เป็นเพียงภาวะชะลอตัวจากตลาดโลก บวกกับแอลทีวี สุดท้ายต้องมีการปรับเปลี่ยน หาทางหนีทีไล่ เพราะทุกคนมีกลยุทธ์ ทุกเซ็กเมนต์มีทางออก ไม่ได้ตายหมด”

นายชนินทร์ ยังกล่าวว่า โอกาสของตลาดอสังหาฯ ที่มีความเป็นไปได้ และเห็นโอกาสการเติบโตคือ อสังหาฯในเชิงท่องเที่ยว ทำเลภูมิภาค โดยเฉพาะ 3 จังหวัด อีอีซี หลังจากรัฐลงเม็ดเงินมากกว่า 1 ล้านล้านบาท ไม่นับรวมแผนพัฒนานิคมอุตสาหกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน รถไฟความเร็วสูง แผนขยายสนามบินอู่ตะเภา เป็นต้น ซึ่งปัจจัยเหล่านั้นจะช่วยส่งเสริม
ธุรกิจอสังหาฯอย่างมาก

 

อสังหาฯ

กุญแจชี้วัด

เศรษฐกิจ

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อทิศทางนโยบายเศรษฐกิจ กับทิศทางอสังหาริมทรัพย์ ในเวทีสัมมนา “อสังหาฯพลิกเกมรุก จับโอกาสทอง” จัดโดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ และคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างมาก ฉะนั้นแม้มีวิกฤติก็
จำเป็นต้องเดินต่อ ขณะเดียวกัน ขอให้ผู้ประกอบการเร่งปรับตัว เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปเช่น การหาตลาดใหม่ๆ เป็นต้น

“อสังหาฯ เป็นกุญแจสำคัญ ชี้วัดว่าเศรษฐกิจจะขึ้น หรือ ลง ฉะนั้นต้องก้าวต่อไปให้ได้ โดยใช้บทเรียนวิกฤติปี 2540 มาศึกษา เพราะเชื่อแบงก์ชาติเอง มีเหตุผลในการออกมาตรการ และที่ผ่านมามีสัญญาณที่ดี หลังจากเริ่มเห็นผู้ประกอบการหลายรายปรับตัวได้ดี แต่เห็นปรับตัวได้ดีตั้งแต่ไตรมาสแรกจนถึงปัจจุบัน เช่นเดียวกับกลุ่มลูกค้า เริ่มมีความเข้าใจมากขึ้น ยืนยันจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด”

แม้ที่ผ่านมา หลายหน่วยงานพยายามหามาตรการมากระตุ้นเฉพาะหน้า เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันรัฐอยู่ระหว่างหามาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะยาว เพื่อส่งเสริมการขยายตัวของเศรษฐกิจในอนาคต

“เม็ดเงินกว่า 3 แสนล้านบาท สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะแรก คาดจะช่วยเหลือได้ตั้งแต่ประชาชนฐานราก กลุ่มเกษตรกรผ่านการลดเงินต้นคงดอกเบี้ยเช่นเดียวกับมาตรการเชิงท่องเที่ยว ชดเชยเงินคืน 15% ในวงเงิน 3 หมื่นบาท คาดจะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย ก่อให้เกิดการหมุนเวียนของเม็ดเงินในระบบตามมา ส่วนกลุ่มเอสเอ็มอี จะได้รับการช่วยเหลือหมื่นล้านบาทในกองทุน ดอกเบี้ย 1% ต่อปี เพื่อให้สามารถลงทุนสานต่อธุรกิจได้”

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันประเทศอยู่ในห้วงที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง หลังจากเพิ่งผ่านพ้นการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง และมีความหลากหลายของพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรค แต่ยืนยันว่ารัฐบาลจะสามารถขับเคลื่อนประเทศได้ในทุกด้าน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ซึ่งขณะนี้รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะแรก วงเงินกว่า 3 แสนล้านบาท เพื่อมาบรรเทาผล
กระทบที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจภายในประเทศแล้ว หลังจากที่ผ่านมา ไทยได้รับผลพวงความเดือดร้อนจากกรณีประเทศขนาดใหญ่ จีน ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ขัดแย้งกัน ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจโลกถดถอย ขณะที่ล่าสุดสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และกระทรวงการคลัง เพิ่งออกมาสะท้อนในทิศทางเดียวกัน ว่าไทยได้รับผลกระทบอย่างมากจากสถานการณ์ดังกล่าว คาดจีดีพีปี 2562 เติบโตประมาณ 3% เท่านั้น เพราะพบ 2 ไตรมาสที่ผ่านมา ภาคการส่งออกหดตัว การบริโภคภาคเอกชนเติบโตชะลอตัวลง เช่นเดียวกับภาคการลงทุน ภาคการกษตร และภาคอุตสาหกรรมไทยติดลบ

 

หน้า 25-26 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,499 วันที่ 25-28 สิงหาคม 2562

1566526116
อสังหาฯเมืองชลซึมทุนจีนถล่มซํ้าผุดคอนโดยยักษ์โครงการเดียว 4,000 หน่วยทำเลม.บูรพา“ณรงค์ชัย คุณปลื้ม” นายกเล็ก ระบุคอนโดฯเหลือขายบานลุ้นรัฐบาลปลุกท่องเที่ยวฟื้นกำลังซื้อบางแสน

จังหวัดชลบุรี เมืองขึ้นชื่อในแง่การท่องเที่ยวติดริมทะเล ไม่ห่างไกลจากกรุงเทพมหานคร ด้วยความเป็นเมืองท่องเที่ยว ส่งผลให้มีความคึกคักสูงในช่วงวันหยุดยาวและวันเสาร์-อาทิตย์ จากนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติ เช่น กลุ่มคนจีน ประกอบกับเป็นทำเลที่ตั้งของมหาวิทยาลัยบูรพา ส่งเสริมให้กลายเป็นเมืองเศรษฐกิจขนาดย่อมที่น่าจับตามองเรื่อยมา โดยเฉพาะด้านอสังหาริมทรัพย์ ในกลุ่มโครงการที่อยู่อาศัย

แต่พบปัจจุบันด้วยข้อจำกัดเรื่องราคาและที่ดินที่หาได้ยาก จำนวนนิสิตลดน้อยลง ประกอบกับปัจจัยกดดันกำลังซื้อกลุ่มนักลงทุน เงื่อนไขแอลทีวี ส่งผลตลาดซึมโดยเฉพาะในกลุ่มคอนโดมิเนียม ที่เหลือขายนับ 40% อย่างไรก็ตาม นายกเล็กบางแสนเริ่มเห็นแนวโน้มตลาดดีขึ้นหลังพบกลุ่มทุนจีน เตรียมพัฒนาพื้นที่ 20 ไร่ จ่อส่งซัพพลายใหม่เข้าตลาดนับ 4 พันหน่วย ลุ้นฟื้นการท่องเที่ยว นิสิตเพิ่มทำตลาดกลับมาคึกคัก

 


 

 

นายณรงค์ชัย คุณปลื้ม นายกเทศมนตรีเมืองแสนสุข (บางแสน) จังหวัดชลบุรี เปิดเผยถึงสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในพื้นที่ยอมรับว่าปัจจุบันมีซัพพลายคงค้างโดยเฉพาะในกลุ่มคอนโดมิเนียมราคาตั้งแต่ 1.5 ล้านบาทขึ้นไปประมาณ 30-40% หรือ 2 พันหน่วย หลังจากช่วงที่ผ่านมา กลุ่มเป้าหมายหลักสำหรับนักลงทุนที่ซื้อเพื่อปล่อยเช่าเฉลี่ย 7-8 พันบาทต่อเดือน ซึ่งเป็นกลุ่มนิสิตมหาวิทยาลัยบูรพานั้น ลดจำนวนลงไปมาก จากนโยบายของรัฐและมหาวิทยาลัยปรับลดจำนวนนิสิต เหลือเพียง 3 หมื่นคน จากปกติ 5 หมื่นคนต่อปี ไม่ต่างจากปัญหากลุ่มนักท่องเที่ยวที่ลดน้อยลงด้วย นอกจากนี้กลุ่มนักลงทุนเองยังต้องเผชิญกับหลักเกณฑ์การขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยใหม่ (แอลทีวี) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท .) ซํ้าเติมอีก ทำให้การกู้ทำได้ยากขึ้น ส่งผลให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไม่กล้าลงทุนพัฒนาโครงการใหม่เข้าสู่ตลาดจากเดิมที่จะมีหน่วยใหม่เกิดขึ้นในแต่ละปีประมาณ 500-600 หน่วย ขณะที่ตลาดแนวราบ กลุ่มบ้านเดี่ยวทาวน์เฮ้าส์ และบ้านแฝด ตั้งแต่ระดับราคา 1.5-3.5 ล้านบาทยังคงไปได้ หลาย โครงการขายดีเนื่องจากความต้องการหลักยังเป็นคนในพื้นที่

 

หน้า 27 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ  ฉบับที่ 3,499 วันที่ 25 – 28 สิงหาคม พ.ศ. 2562

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม ไม่มีความกังวลมากนักหลังจากพบว่ามหาวิทยาลัยบูรพา มีนโยบายใหม่เตรียมเปิดรับนิสิตเพิ่มในปีการศึกษาหน้า ซึ่งจะเอื้อต่อธุรกิจหอพัก และคอนโดฯปล่อยเช่า ขณะเดียวกับการที่รัฐเดินหน้าพัฒนาเกี่ยวกับอีอีซีอย่างต่อเนื่อง น่าจะช่วยกระตุ้นภาคอสังหาฯได้มาก ประกอบกับเริ่มเห็นสัญญาณความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มทุนใหญ่เตรียมเข้ามาพัฒนาโครงการคอนโดมิ เนียมขนาดใหญ่ ร่วมกับบริษัทอสังหาฯของไทย รวมทั้งสิ้นมากกว่า 4 พันหน่วย จำนวน 5 อาคาร สูง 46 ชั้น ภายใต้ชื่อ “ทรีโอเนส” บนพื้นที่เกือบ 20 ไร่ติดหาดวอนนภาขณะนี้ยื่นขอเปิดเฟสแรกแล้วจำนวน 850 หน่วย

ทั้งนี้ปัจจุบันมีผู้พัฒนาอสังหาฯ ทั้งที่เป็นรายใหญ่ของท้องถิ่นประมาณ 10 ราย และบริษัท อสังหาฯรายใหญ่จาก กทม. เช่นพฤกษา, ศุภาลัย และแสนสิริ เข้ามาแข่งขันในตลาดอย่างต่อเนื่อง แต่มีข้อจำกัดเรื่องที่ดินที่ปรับตัวสูงและหาได้ยากขึ้น โดยเฉพาะริมชายหาดที่เป็นที่ต้องการของผู้พัฒนาพบมีราคาสูงตั้งแต่ 7 หมื่น-1.5 แสนบาทต่อตารางวา ขณะที่ติดถนนสุขุมวิทมีการซื้อ-ขายเริ่ม 5 หมื่นบาทต่อตารางวา

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อน กับ LINE @thansettakij

1565679872

คอลัมน์ผ่ามุมคิด

ยุคนี้กระแสดิจิทัล ดิสรัปชัน กำลังป่วนภาคธุรกิจทั้งหลาย แม้แต่วงการก่อสร้างก็ต้องเตรียมรับมือ ปัจจุบันมีบริษัทรับเหมาก่อสร้างอาคาร บริษัทด้านการออกแบบ รวมทั้งบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพงานก่อสร้าง ทั้งด้านเวลาและต้นทุนดำเนินการ ด้วยเทคโนโลยีระบบ BIM หรือ Building Information Modeling เป็นการสร้างแบบจำลองอาคารในระบบ 3 มิติ แทนการเขียนแบบในอดีตที่เป็นระบบ 2 มิติ ทำให้เจ้าของอาคารได้เห็นแบบอาคารเสมือนจริง ที่สำคัญสามารถแก้แบบก่อนก่อสร้างจริงได้ ทำให้ควบคุมค่าใช้จ่ายการก่อสร้างได้

นายอมร พิมานมาศ นายกสมาคมแบบจำลองสารสนเทศอาคาร (Thai Building Information Modeling Association) หรือ TBIM กล่าวว่า ในอนาคตเทคโนโลยีจะเข้ามาดิสรัปต์ธุรกิจก่อสร้างเกือบทุกสาขา ไม่ว่าวิศวกรโครงสร้าง วิศวเครื่องกล สถาปนิก ที่เขียนแบบในระบบเดิมก็ต้องปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยี เขียนแบบในระบบ BIM ซึ่งขณะนี้ในต่างประเทศมีการใช้ระบบดังกล่าว ในอาเซียนนี้ประเทศสิงคโปร์ถือว่าลํ้าหน้า มีสมาคม BIM และระบบการขออนุญาตก่อสร้างอาคาร ถ้าอาคารใดออกแบบในระบบ BIM หากเป็นอาคารประหยัดพลังงานด้วย อาจจะได้รับการพิจารณาใบอนุญาตรวดเร็วขึ้นกว่าปกติ หรืออาจจะได้ค่า FAR หรืออัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดินเพิ่มขึ้น ซึ่งภาครัฐของไทยควรส่งเสริมให้มีการนำระบบ BIM มาใช้อย่างกว้างขวาง

 

อมร พิมานมาศ

 

 

การที่เราสร้างแบบในระบบ BIM และใช้เทคโนโลยี virtual เข้ามาร่วม ทำให้มองเห็นแบบโครงสร้างอาคารเสมือนเข้าไปในอาคารจริง ได้เห็นถึงรายละเอียดในอาคาร ไม่ว่าประตู ลูกบิดผนัง ใช้วัสดุประเภทไหน ยี่ห้ออะไร นำไปสู่การวิเคราะห์การใช้พลังงานของห้อง สมัยก่อนยังทำไม่ได้แบบนี้ เนื่องจากคอมพิวเตอร์ยังไม่มีหน่วยความจำที่มีกำลังพอ และไม่เพียงแต่เห็นภาพ 3 มิติยังเห็นถึงมิติที่ 4 ,5 และ 6 โดยมิติที่ 4 คือเรื่องของเวลา เพราะเมื่อเป็นภาพ 3 มิติก็สามารถจำลองการก่อสร้าง สามารถคำนวณระยะเวลาการก่อสร้างได้”

มิติที่ 5 คือประเมินงบประมาณค่าก่อสร้าง และมิติที่ 6 คือการบริหารจัดการ ระบบบัญชี -การจัดซื้อ และสุดท้ายโยงไปสู่แฟซิลิตี้ แมเนจเมนต์ จะเห็นว่านี่คือ ดิสรัปทีฟอย่างแท้จริง จะเปลี่ยนจากมุมมอง 2 มิติ ไปเป็น 6 มิติ ครอบคลุมทุกเรื่อง ทั้งเรื่องของเวลา ค่าใช้จ่าย และการบริหารจัดการอาคารในอนาคตด้วย

ขณะนี้มีบริษัทด้านสถาปนิก วิศวกร และดีเวลอปเปอร์ใช้ระบบ BIM ค่อนข้างมาก ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สร้างแบบจำลอง ทั้งที่จริงๆแล้ว BIM จะเป็นเรื่องของการประสานงาน วิธีคิด ทุกส่วนทำงานร่วมกันบนแพลตฟอร์มเดียวกัน ในประเทศไทยยังขาดบุคลากรด้านนี้ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญ

“จากการมองเห็นว่าในอนาคตเทคโนโลยีจะเข้ามาดิสรัปต์เกือบทุกสาขา จึงก่อตั้งสมาคมไทย BIMขึ้น ซึ่งเดิมรวมตัวกันเป็นชมรม โดยมีจุดมุ่งหมายจะผลักดันให้การทำ BIM เป็นวิชาชีพ มีใบรับรอง และจะมีเงินประจำตำแหน่ง ดังนั้นต่อไปเราจะพัฒนาหลักสูตร BIM Coordinator และ BIM Manager เป็นมาตรฐานกลาง ซึ่งภายใน 3 ปีนี้จะเตรียมกำลังคนด้านวิศวกรรมและสถาปัตยกรรมขึ้นรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น”

 

 

 

นอกจากธุรกิจเอกชนแล้ว ปัจจุบันมีหน่วยงานรัฐวิสาหกิจบางแห่ง เช่น รฟม. ระบุไว้ในทีโออาร์การประกวดราคาโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และสายสีเหลือง การออกแบบก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าต้องออกแบบด้วยระบบ BIM ขณะที่การส่งแบบหรือขออนุญาตก่อสร้างนั้น ด้านกฎหมายยังไม่ได้บังคับต้องใช้แบบระบบ BIM ทางสมาคม จึงอยากจะให้ภาครัฐช่วยส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีระบบ BIM ซึ่งจะเป็นข้อมูลที่สำคัญมากสำหรับภาครัฐในการออกแบบสมาร์ตซิตีเพราะระบบ BIM เป็นฐานข้อมูลแรกสุดของพิมพ์เขียว ดิจิทัลของสมาร์ทซิตี โดยสมาคมจะจัดทำBIM ไกด์ไลน์เพื่อสร้างมาตรฐานการเชื่อมโยงข้อมูล ให้ทุกบริษัทนำแบบอาคารที่ออกแบบด้วยระบบ BIM มาเชื่อมโยง ทำให้สมาคมสามารถสร้างเมืองจำลองขึ้นมาได้

 

หน้า 25-26 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,496 วันที่ 15-17 สิงหาคม 2562

1566119085

รมว.คมนาคม ลงพื้นที่สุรินทร์ สั่งทางหลวงขยายเส้นทางหมายเลข 2077 (สังขะ-สุรินทร์) จ.สุรินทร์ หลังเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดว่า มอบหมายให้กรมทางหลวงดำเนินการขยายทางหลวงหมายเลข 2077 (สังขะ-สุรินทร์) จ.สุรินทร์ โดยขยายถนนเป็น 4เลนส์ จาก อ.เมือง ไป อ.ลำดวน ระยะทาง 25 กิโลเมตร เพื่อพัฒนาระบบการคมนาคมขนส่งให้มีความเชื่อมโยงกันระหว่างจังหวัด เนื่องจากทางหลวงหมายเลข 2077 (สังขะ-สุรินทร์) มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากรถไถลตกข้างทาง ชนต้นไม้เสียชีวิต

1565931549
รายงาน

ที่ดินหลังสวน ราคา 3.1 ล้านบาทต่อตารางวา บริษัทเอสซีแอสเสท จำกัด(มหาชน) (sc) ซื้อปั้นคอนโดฯหรู สโคปร่วมกับพันธมิตร กลายเป็นดัชนีอ้างอิงราคาซื้อขายใหม่ กลางเมืองแทนสถานทูตอังกฤษที่กลุ่มเซ็นทรัลประมูลได้ไปเมื่อ ปี 2559 ราคา 2 ล้านบาทต่อตารางวาจากก่อนหน้านี้ค่ายเอสซีซื้อที่ดินแยกชิดลม ขึ้นคอนโดฯไฮเอนด์ ที่ 1.9 ล้านบาทต่อตารางวา และ ขยับทวงบัลลังก์แชมป์ซื้อที่แพงคืนในเวลาต่อมา

อย่างไรก็ตามราคาที่ดินยังคงวิ่งต่อเนื่องจากความต้องการของนักลงทุนรายใหญ่ล่าสุดมีการบอกขายกันที่ 3.5 ล้านบาทต่อตารางวา และหากเศรษฐกิจโลกไม่ซึมยาว ไม่มีความตึงเครียดจากปัจจัยภายนอกอย่างม็อบฮ่องกง ดีลราคาเฉียดๆ 4 ล้านบาทต่อตารางวา อาจจะได้เห็นในเวลา
อันใกล้

ขณะราคาประเมินที่ดินกรมธนารักษ์รอบใหม่ ปี 2563-2566 ทำเลกลางเมือง เพลินจิต วิทยุหลังสวน ขยับขึ้นมาแตะ1 ล้านบาทต่อตารางวาจากบัญชีก่อน 9 แสนบาทต่อตารางวา เรียกว่าดีใจกันยกใหญ่ แต่หากเทียบกันแล้วห่างกัน 2-3 เท่าตัว แต่เนื่องจาก ราคาประเมินใช้สำหรับอ้างอิงจดจำนองโอนกรรมสิทธิ์ ของคนซื้อบ้านและเสียภาษีที่ดิน จึงไม่สามารถขยับให้ทันราคาซื้อขายได้ แต่ทั้งนี้ สำหรับเศรษฐีนักลงทุน หากซื้อที่ ซื้อบ้านกลางเมืองแพงระยับได้ ก็น่าจะมีเงินจ่ายภาษีหรือรายได้จากค่าโอนให้รัฐ ซึ่งที่ผ่านมามีเสียงสะท้อนมาจากหลายฝ่าย ปรับราคาประเมินสูงๆเท่าราคาตลาดเฉพาะทำเลกลางเมือง แต่ในทางปฏิบัติ ย่อมทำได้ยาก

 

 

เสียงสะท้อนของเอเยนต์ ใหญ่ นายกิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์ ประธานและผู้ก่อตั้ง บริษัทเซ็นจูรี่ 21 (ประเทศไทย) จำกัด มองว่าความต้องการที่ดินในเขตเมืองชั้นในยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นทำเลที่มีที่ดินอยู่อย่างจำกัดทำให้ในช่วงที่ผ่านมามีการปรับราคาขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งจากการเก็บข้อมูลราคาที่ดินที่มีการเสนอขาย พบว่าที่ดินที่ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จะอยู่ในบริเวณศูนย์กลางของเมือง โดยทำเลที่มีราคาเสนอขายสูงสุด ได้แก่ทำเลถนนวิทยุ เพลินจิต หลังสวน ราคาเสนอขายอยู่ที่ตารางวาละ 2-3.5 ล้านบาทต่อตารางวาตามด้วยสีลม สาทร มีราคาเสนออยู่ที่ตารางวาละ1.2-2 ล้านบาทต่อตารางวา


ทั้งนี้ทำเล วิทยุ เพลินจิต ชิดลม หลังสวน มีราคาเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดดในช่วงปลายปี 2559 ซึ่งเกิดจากการประมูลซื้อที่ดินสถานทูตอังกฤษซึ่งมีแปลงที่ดินขนาดค่อนข้างใหญ่และทำเลดี โดยมีการเสนอราคาประมูลที่ตารางวาละ 2,000,000 บาท จนกลายเป็นราคาอ้างอิงในการเสนอขายที่ดินแปลงอื่นๆ ในเวลาต่อมา ส่งผลให้ราคาซื้อ-ขายที่ดินในทำเลดังกล่าวจึงมีการปรับตัวต่อเนื่อง

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวมาตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปัจจุบัน ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์อยู่ในภาวะตึงตัว ผู้พัฒนาโครงการพิจารณาการซื้อที่ดินอย่างระมัดระวัง อีกทั้งที่ดินที่มีศักยภาพในการพัฒนา ในราคาที่เหมาะสมหายากขึ้นในทุกปี จึงทำให้ราคาที่ดินกลางเมืองมีโอกาสชะลอตัวเพราะความต้องการของผู้พัฒนาโครงการน้อยลง ทำให้ราคาไม่ขยับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือน 3-4 ปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามในสถานการณ์ปัจจุบัน การซื้อขายที่ดินของผู้พัฒนาโครงการไม่ได้หวือหวาเหมือนในอดีต เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกรวมถึงประเทศไทยที่ชะลอตัวลง ทำให้ความต้องการซื้อโดยเฉพาะจากต่างชาติลดลงมาก ประกอบกับภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จะบังคับใช้ในวันที่ 1มกราคม 2563 ที่ทำให้มีการปล่อยที่ดินออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น เพราะผู้ถือครองไม่ต้องการแบกภาระภาษีที่เพิ่มขึ้น แนวโน้มการปรับราคาที่ดินที่สูงขึ้นจึงเริ่มชะลอตัวลง

 

หน้า 27 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3497 วันที่ 18-21 สิงหาคม 2562

 

1565175643

ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในปี 2562 นั้น ปัจจุบันยังคงมีแนวโน้มไม่น่ากังวลมากนัก เมื่อเทียบกับตลาดรวมอสังหาริมทรัพย์ที่มีปัญหาเรื่องกำลังซื้อ จากมาตรการ LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เนื่องจากเป็นลูกค้าคนละกลุ่ม ซึ่งมักมีที่ดินและเงินออมเป็นของตัวเอง สัดส่วนลูกค้าที่มีการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินเป็นเพียง 50% ของลูกค้าทั้งหมดเท่านั้น และพบมักได้สินเชื่อในวงเงินระดับสูงเกิน 80% ของมูลค่าบ้าน เพราะเป็นกลุ่มที่ไม่มีหนี้เสีย ทั้งยังมีมูลค่าของที่ดินปลอดภาระนั้นๆบวกเพิ่มเข้าไป ทำให้สถาบันการเงินมีการให้สินเชื่อ Top-up (สินเชื่อส่วนบุคคลที่ใช้สำหรับตกแต่งบ้าน ) เพิ่มเติมด้วย ขณะที่ตลาดบ้านแพง ระดับราคามากกว่า 5-10 ล้านบาท และบ้านราคามากกว่า 10 ล้านบาท เติบโตดี ยิ่งสะท้อนว่าผู้บริโภคกลุ่มดังกล่าวไม่ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยแต่อย่างใดประกอบกับปัจจัยหลักที่มีผลต่อการตัดสินใจปลูกบ้านของผู้บริโภคในเรื่องการเมืองนั้น มีทิศทางที่ดีขึ้น สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ ทำให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจมากขึ้น พบสัดส่วนลูกค้าบ้านสร้างเอง เติบโตทั้งในกรุงเทพฯ และโดยเฉพาะในทำเลต่างจังหวัดที่ปรับขึ้นสูงถึง 20% จากการหันมาเลือกใช้บริษัทรับสร้างบ้านรายต่างๆแทนผู้รับเหมารายย่อย ส่งผลให้ยอดขายรวมตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกของปีจนถึงปัจจุบันยังเติบโตต่อเนื่อง แม้มีการชะลอตัวไปบ้างในช่วงไตรมาสที่สอง จากปัจจัยสภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้อ แต่คาดทั้งปี 2562 ทั้งตลาดรับสร้างบ้านจะมีมูลค่ารวมที่ 1.25 หมื่นล้านบาท เติบโตประมาณ 5-8% จากยอด 1.2 หมื่นล้านบาทในปี 2561 ที่ผ่านมา

สำหรับตลาดครึ่งปีหลังปี2562 นางศิริพร สิงหรัญ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ระบุว่า   คาดว่าตลาดน่าจะเติบโตได้ดีขึ้น ผู้บริโภคเริ่มมีความมั่นใจและจะเริ่มกลับเข้ามาปลูกสร้างบ้านมากขึ้น หวังรัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น เนื่องจากธุรกิจนี้ ถือเป็นกลไกหลักสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจในภาพรวมเช่นกัน

เพื่อช่วยตลาด ให้เดินหน้าต่อเนื่อง สมาคมฯ เตรียมจัดงาน รับสร้างบ้านและวัสดุ Home Builder Expo2019 ขึ้นในระหว่างวันที่ 29 สิงหาคม – 1 กันยายน 2562 ณ อิมแพค ฮอลล์ 6 เมืองทองธานี รวบรวมบริษัทรับสร้างบ้านระดับชั้นนำมากกว่า 50 บริษัท พร้อมแบบบ้าน มากกว่า 1,000 แบบ ระดับราคา ตั้งแต่ 1 – 100 ล้านบาทขึ้นไป คาดยอดขายในงาน 4 วัน ไม่ต่ำกว่า 3 พันล้านบาท

1565147436

ผู้บริโภคยุคใหม่สนใจเข้าถึงราคาบ้านของตัวเองผ่านระบบประมาณราคาบ้านอัตโนมัติค่ากว่า 1.3 หมื่นล้านล่าสุดบาเนียอัพเกรด Bestimate ระบบประมาณราคาบ้านอัจฉริยะให้ก้าวไปอีกขั้น

หลังจากบริษัท บาเนีย (ประเทศไทย) จำกัด ได้เปิดให้บริการระบบการประมาณราคาบ้านอัจฉริยะภายใต้ชื่อ Bestimate มาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2561 และปรับระบบใหม่อีกครั้งเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามเพื่อให้การใช้งานง่ายขึ้น จึงพัฒนาความแม่นยำของ Bestimate Modelตลอดจนระยะเวลาการทำงานตอบกลับให้เร็วขึ้น โดยมีเป้าหมายสู่การประมาณราคาแบบเรียลไทม์และในอนาคตจะมีการเปิด Feature ใหม่ๆ มีระบบเปรียบเทียบข้อมูล การอัพเกรด Algorithmพัฒนาฐานข้อมูล ต่อยอด Bestimate เพื่อตอบโจทย์การประมาณราคาที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ให้กว้างขึ้น

อัญชนา วัลลิภากร

 

 

นางสาวอัญชนา วัลลิภากร ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บจก.บาเนีย (ประเทศไทย)เปิดเผยว่า ที่ผ่านมามีผู้ใช้บริการประมาณราคาด้วยระบบ Bestimate แล้วกว่า 3,000 ราย มีมูลค่ารวม 13,000 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการรู้ราคาที่อยู่อาศัยในปัจจุบันมีสัดส่วน29% ต้องการทราบราคาเพื่อการขายคิดเป็น 14% ต้องการขอสินเชื่อ 10% ต้องการทราบราคาเพื่อใช้ประกอบการลงทุน 5% ต้องการทราบราคาเพื่อซื้อ 2% ขณะที่ 40% ไม่ได้ระบุวัตถุประสงค์ของการใช้บริการ ส่วนที่อยู่อาศัยที่นำมาประมาณราคาเป็นบ้านเดี่ยว 45% คอนโดมิเนียม 28% และทาวน์เฮาส์ 27% ราคาที่นำมาประมาณราคาสูงสุดเป็นคอนโดมิเนียมราคา 50ล้านบาท โดยราคาประมาณการ
ส่วนใหญ่หรือคิดเป็น 53% ตํ่ากว่าราคาที่เจ้าของคาดหวังไว้ อีก 
33% สูงกว่าราคาที่คาดหวัง และ 14% ประมาณราคาไม่ได้เนื่องจากข้อมูลไม่สมบูรณ์

 

 

สำหรับมูลค่าประมาณการบ้านที่ได้จาก Bestimate จะคำนวณโดยใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI)ด้วยวิธีแบบจำลองทางสถิติระดับสูง ซึ่งจะวิเคราะห์ราคาจากข้อมูลคุณสมบัติ คุณลักษณะและข้อมูลเชิงพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับบ้าน ด้วยฐานข้อมูล Big Data อสังหาริมทรัพย์ที่รวบรวมมาอย่างเป็นระบบทำให้ราคาที่วิเคราะห์ได้มีความน่าเชื่อถือ สามารถใช้อ้างอิงได้และยังช่วยขจัดความกังวลเรื่องการใช้ดุลพินิจซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้การประเมินมูลค่าทรัพย์สินไทยก้าวหน้าสู่ระดับสากล โดยในช่วงเริ่มต้น Bestimate ได้ให้บริการในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นการทดสอบโมเดลก่อนที่จะให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในกรุงเทพฯและปริมณฑล 
และได้ขยายการให้บริการครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของไทยในปัจจุบัน

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,494 วันที่ 8-10 สิงหาคม 2562